ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Download Dynasty Warriors Online

Download Dynasty Warriors Online

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Oracle Step to import data

1. ลง Oracle ตาม Version ของ file Export
2. เข้า SQlplus
3. ใช้ user / password ที่เริ่มต้น ( user เป็น system password แล้วแต่ เซ็ตอัพ )
4. สร้าง user ใหม่ด้วย CREATE USER username IDENTIFIED BY password;


GRANT CONNECT, RESOURCE TO xxx;

REVOKE UNLIMITED TABLESPACE FROM xxx;

GRANT CREATE SESSION, CREATE TABLE TO xxx;


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[Managing Users]

CREATE USER username IDENTIFIED BY password;

ALTER USER username IDENTIFIED BY new_password;

DROP USER username [CASCADE]
Specify CASCADE to drop all objects in the user's schema.


List all usernamesSELECT NAME FROM SYS.USER$

GRANT privilege1, privilege2, ...
[ON object_name]
TO user1, user2, ...;

REVOKE privilege1, privilege2, ...
[ON object_name]
FROM username;

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


5. เปิดหน้าต่าง Run (Start > Run) เรียก Command Line โดยการพิมพ์ 
6. cd c:\oracle
7. mkdir c:\oracle\app\tmp
8. sqlplus system/รหัสผ่านของ system
9. create or replace directory dmpdir as ‘c:\oracle\app\tmp’;
grant read,write on directory dmpdir to ชื่อ user ที่ต้องการ export ;
10. exit;

11.   impdp system/password SCHEMAS=ชื่อ user ที่ export DIRECTORY=dmpdir DUMPFILE=schema.dmp REMAP_SCHEMA=ชื่อ user ที่ export มา:ชื่อ user คนที่จะ importEXCLUDE=constraint, ref_constraint, index TABLE_EXISTS_ACTION=replace LOGFILE=impschema.log
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
check SID Oracle
select instance_name from v$instance;






Error number ORA-01536: space quota exceeded for table space solution

Three solutions for you to choose:
(1) alter user USERNAME quota 100M on TABLESPACENAME;
(2) alter user USERNAME quota unlimited on TABLESPACENAME;
(3) grant unlimited tablespace to USERNAME;

sql*plus เป็นภาษาต่างดาว

คำสั่งนี้ครับ ถ้าอยากเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ

set NLS_LANG=AMERICAN_AMERICA.TH8TISASCII

และใช้คำสั่งนี้ครับ ถ้าอยากให้เป็นภาษาไทย

set NLS_LANG=THAI_THAILAND.TH8TISASCII

ปล. รันใน Command Dos เลยนะครับ สำหรับ OS Windows ถ้า OS อื่นลองหาวิธีดูนะครับ

ปล.2 ใครเป็น Unix สอนด้วยครับผม
=========================================
มีอีกวิธีหนึ่งครับ เข้าไปแก้ใน Register เลย

วิธีการดังนี้ครับ

Run "Regedit"

HKEY_LOCAL_MACHINE --> SOFTWARE --> ORACLE --> KEY_OraDb10g_home1 --> NLS_LANG

ถ้าต้องการให้เป็นภาษาไทยใส่ THAI_THAILAND.TH8TISASCII

ถ้าต้องการให้เป็นภาษาอังกฤษใส่ AMERICAN_AMERICA.TH8TISASCII

Restart Computer

End.

=======================================

ที่มา http://www.comriu.co....php?topic=11.0

=======================================
SQL> create tablespace test;
create tablespace test
*
ERROR at line 1:
ORA-02199: missing DATAFILE/TEMPFILE clause


วิธีเช็ค SQL> select file_name,tablespace_name from dba_data_files; path แล้วให้ใช้ path ด้วย
เช่น
 
SQL> CREATE TABLESPACE TEST DATAFILE 'C:\ORACLE\PRODUCT\10.2.0\ORADATA\RAFIDB\TE
ST.DBF' SIZE 500M;

Tablespace created.

SQL> ALTER DATABASE DEFAULT TABLESPACE TEST;

Database altered.

SQL> ALTER USER SCOTT DEFAULT TABLESPACE TEST;

User altered.

SQL> ALTER USER TEST DEFAULT TABLESPACE TEST;

User altered.


http://kr.forums.oracle.com/forums/thread.jspa?threadID=1029220

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นวดฝ่าเท้าส่งผลถึงใบหน้า



Text Box:  "ขอบตาคล้ำ"
อาการขอบตาคล้ำดำหมอง เกี่ยวข้องกับไต ดังนั้นต้องกดบริเวณกลางฝ่าเท้า ไล่มาแนวเดียวกันไปทางนิ้วนาง กดและผ่อนเป็นจังหวะตำแหน่งละ 10 นาที สีดำที่ขอบตาจะลดลงค่ะ 






 
Text Box:  "ลดริ้วรอย"
เพื่อลดริ้วรอยบริเวณใบหน้าสวยๆหล่อๆของสาวห้องแป้ง ต้องนวดสะท้อนไปที่ต่อมใต้สมอง โดยงอนิ้วหัวแม่มือแล้ววางข้อต่อส่วนที่งอกดลงไปตรงกลางท้องนิ้วหัวแม่เท้า กดช้าๆแล้วผ่อน สัก5-10 นาที แต่ต้องทำทุกวันนะคะ มันจะช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมใต้สมองให้ผลิตฮอร์โมนรักษาความเต่งตึงค่ะ 



 
Text Box:  "สิว"
ถ้ากำลังเป็นสิว ให้แก้โดยกดตรงตำแหน่งที่ส่งผลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ บริเวณโคนนิ้วหัวแม่เท้าทั้งสองและฝ่าเท้า วิธีการกด ให้งอนิ้วชี้และกระตุกข้อต่อส่วนที่งอนั้น ค่อยๆกดลงไปตรงโคนนิ้วหัวแม่เท้าด้านขวา ต่อด้วยด้านซ้าย แนะนำให้กดเป็นประจำ ต่อมไทรอยด์จะผลิตอฮร์โมนเต็มที่ค่ะ 




 
Text Box:  "คลายความเครียด"
ให้ทาบนิ้วหัวแม่มือลงบนจุดกลางเท้าในแนวนิ้วหัวแม่เท้า มือประคองเท้าไว้ ออกแรงกดและผ่อนเป็นจังหวะ สัก 15นาที ภาวะเครียด จะค่อยๆจางไปค่ะ




 
Text Box:  ดวงตาเมื่อยล้า"
ต้องใช้ข้อนิ้วกดลงไป บนแนวขวางของฝ่าเท้าตรงบริเวณโคนนิ้วชี้และนิ้วกลาง กดซัก 15 นาที จะรู้สึกได้เลยว่ากล้ามเนื้อสายตาผ่อนคลายขึ้น 





 
Text Box:  "นอนไม่หลับ"
ลองใช้นิ้วหัวแม่มือกดจี้จุดผ่อนคลายบริเวณกลางฝ่าเท้า ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วก้อย ว่ากันว่าจุดนี้ส่งผลต่อปลายประสาทช่องท้อง ช่วยให้ relex หลับง่าย ประมาณ 20 นาที คุณก็จะรู้สึกเริ่มง่วงแล้วค่ะ




 
 
"ปวดต้นคอ ปวดไหล่"
ใช้นิ้วหัวแม่มือนวดคลึงบริเวณหลังเท้าตรงโคนนิ้วชี้และนิ้วก้อยประมาณ 15นาที กล้ามเนื้อบริเวณคอ ไหล่ ของคุณจะคลายตัวค่ะ 




 
Text Box:  ปวดศรีษะบ่อยๆ"
ต้องกดบริเวณนิ้วหัวแม่เท้าส่วนที่นูนใต้นิ้ว นวดโดยงอนิ้วชี้และนิ้วกลาง แล้วคีบหัวแม่เท้า นวด และรูด รับรองว่าศรีษะจะเบาลงค่ะ อาการปวดก็จะค่อยๆหายไป นวดและรูดหัวนิ้วเท้าอื่นๆด้วยก็ดีนะคะ ทำแบบนี้บ่อยๆ จะป้องกันอาการปวดหัวได้ด้วยค่ะ


 
Text Box:   
"ไมเกรน"
ให้กดปลายนิ้วหัวแม่เท้า โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับปลายนิ้วหัวแม่เท้า ปวดช้างไหนนวดข้างนั้นไปเลยค่ะ นวดคลึงไป 10นาทีแล้วโลกจะสดใสขึ้นเลยค่ะ



 

เปิดมุมมองใหม่..กับ..เว็บค้นหา

แน่นอนว่า "Google" คือแบรนด์ดังของโลกอินเทอร์เน็ตที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และคำนี้สำหรับนักท่องโลกอินเตอร์เน็ตคงได้ยินกันจนติดหูติดปากกันแล้ว เพราะเวลาที่ต้องการหาข้อมูลใดๆ ที่ไม่รู้ไม่เจอก็คงต้องพึ่ง Google ในการช่วยค้นหาข้อมูลความรู้บนโลกไซเบอร์
แต่หารู้ไมว่ายังมีอีกหลายเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่ได้เหมือนกูเกิ้ล หรืออาจดีกว่ากูเกิ้ลด้วยซ้ำไป และวันนี้ ออน-อร ก็มีเว็บค้นหาที่เป็นทางเลือกใหม่ (Alternative Search Engine) มาให้องใช้งานกัน ซึ่งจะแบ่งผลการค้นหาออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ การค้นหา ภาพ, เพลง, วิดีโอ และเอกสาร
คิดคีย์เวิร์ดเจ๋งๆ กันได้แล้วก็ลองมาทดสอบกันดูเลย...
@ เว็บค้นหาเพลงโปรดติดหู @
www.songza.com >>> เว็บนี้ใช้งานง่ายเพียงพิมพ์คำค้นหาจะมีคำใกล้เคียงขึ้นมาแสดงให้เห็นด้วย และทุกเพลงจะสามารถดูมิวสิกวิดีโอประกอบไปด้วยได้ เพราะเพลงที่ได้ฟังนั้นเป็นการดึงเสียงเพลงมาจากเว็บวิดีโอชื่อดังต่างๆ นั่นเอง สุดท้ายก็คือ สามารถคัดลอกโค้ดเพลงไปติดไว้ที่บล็อกของตัวเองได้อีกด้วย
www.midomi.com >>> เว็บนี้เหมาะมากสำหรับใครที่จำได้แต่เนื้อร้องติดอยู่ในหู แต่กลับนึกชื่อเพลงไม่ออก แต่สามารถร้องเพลงนั้นได้ เว็บนี้เหมาะกับเพื่อนๆเป็นที่สุด เพียงแค่คอมพิวเตอร์ของเพื่อนๆมีไมค์ และเปล่งเสียงของตัวเองร้องเพลงนั้น ท่อนใดก็ได้ ประมาณ 10 วินาที ระบบก็จะค้นหาเพลงนั้นๆ หรือเพลงใกล้เคียงมาให้ด้วย
แถมยังไม่จำกัดสัญชาติเพลงด้วยนะ สามารถหาได้ทั้งเพลงไทย, จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น, และฝรั่งได้หมด นอกจากนี้แล้วคุณยังฟังเสียงร้องเพลงของผู้ใช้คนอื่นๆ ที่ร่วมหาเพลงๆเดียวกับคุณได้ด้วย โดยคลิกที่ปุ่ม Play All Recordings
**หมาย เหตุ:
1. เมื่อใช้ครั้งแรก หลังจากคลิกที่ปุ่ม "Click and Sing or Hum" จะมีหน้าต่างเล็กๆ เปิดขึ้นมา โดยที่เพื่อนๆจะต้องกดปุ่ม "Allow" กับ Adobe Flash Player Setting ก่อน
2. ผู้ที่ใช้ไอโฟนสามารถโหลดโปรแกรมของ midomi มาลงที่เครื่อง และใช้งานแบบเดียวกับการค้นหาเพลงผ่านเว็บด้วยการฮัม หรือร้องเพลงได้เลย ที่นี่
@ เว็บค้นหารูปภาพสุดประทับใจ @
การค้นหารูปนั้นควรจะใช้คำค้นหา (keywords) ที่เป็นภาษาอังกฤษ เพราะจะได้ผลลัพธ์มากกว่าภาษาไทย และเว็บที่เราอยากจะแนะนำสำหรับการค้นหารูป นั้น มี 2 รูปแบบ คือ ภาพถ่ายฝีมือช่างภาพมืออาชีพ และมือสมัครเล่น
www.compfight.com >>> เว็บนี้จะค้นหาภาพโดยการดึงเอารูปภาพจากคลังภาพออนไลน์อย่าง ฟลิกเกอร์ (Flickr) ที่เปิดให้ใครก็ได้มาเก็บภาพไว้ที่นี่ โดยผลการค้นหาของเว็บ compfight จะต่างจากการค้นหาที่เว็บฟลิกเกอร์ต้นฉบับก็คือ การแสดงผลภาพเป็นร้อยๆ ภาพในคราวเดียว ทำให้เลือกภาพได้ไวยิ่งขึ้น และยังสามารถปรับแต่งการค้นหาได้มากมาย เช่น การค้นหาจากชื่อ และรายละเอียดของภาพ หรือการค้นหาจากป้ายกำกับภาพ (Tags),การค้นหาภาพตามรูปแบบลิขสิทธ์ (Creative Commons), การค้นหาเฉพาะภาพที่มีความละเอียดสูง, และการค้นหาเฉพาะภาพที่เหมาะสมกับเยาวชน เป็นต้น
www.spffy.com >>> เว็บนี้เป็นการค้นหาภาพที่ถ่ายจากมืออาชีพจริงๆ โดยค้นหาครั้งเดียว สามารถดูภาพจากคลังภาพออนไลน์เพื่อการใช้งานทางการค้า ที่มีชื่อเสียงอย่าง Getty Images, Corbis, Fotolia ฯลฯ ได้เลย ซึ่งเมื่อใดที่คุณพบภาพที่ต้องการสามารถสั่งซื้อภาพนั้นๆได้ทันที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหาภาพประกอบเพื่อใช้งานเชิงพาณิชย์
@ เว็บค้นหาเอกสาร @
www.data-sheet.net >>> เว็บ ไซต์ นี้มีหน้าตาเรียบๆ ไม่ต่างไปจาก "Google" แต่จะแสดงผลการค้นหาเป็นไฟล์เอกสารนามสกุล PDF เท่านั้น เพื่อนๆ สามารถพิมพ์คำค้นหาทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษได้ เมื่อเจอผลการค้นหาใดที่ต้องการดาวน์โหลด ให้คลิกขวา และเลือก Save Link As ได้ทันที ก็จะได้ไฟล์เอกสารมาเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ทันที
เท่านั้นยังไม่พอ เว็บไซต์นี้ยังมีผลการค้นหาในรูปแบบของภาพแถมเพิ่มมาที่ด้านล่างสุด ของหน้าเพจแต่ละหน้าด้วย นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเว็บไซต์ที่เปิดให้ใครก็ ได้เข้าไปอัปโหลดไฟล์ เอกสารของตนเองที่ต้องการเผยแพร่สู่สาธารณะชนได้นำไปใช้ประโยชน์ นั่นคือ Scribd
@ เว็บค้นหาวิดีโอ @
www.truveo.com >>> ถ้าเกี่ยวกับวีดีโอคนส่วนใหญ่จะคิดถึง "ยูทูบ (YouTube)" แต่หารู้ไมว่ายังมีเว็บไซต์วิดีโอ ที่เปิดให้ใครก็ได้มาอัปโหลดผลงานวิดีโอของตน เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะชนได้ อาทิ Daily Motion (ของฝรั่งเศส), Tudou (ของจีน) และอื่นๆ อีกมาก
แต่ถึงจะมีเยอะแค่ไหน เพียงเราพิมพ์คำที่ต้องการหาแค่ครั้งเดียวในเว็ Truveo ก็สามารถค้นหาได้กว่า 40 เว็บไซต์ที่เก็บวิดีโอมาไว้หน้าจอเรา!!
นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาวิดีโอคลิปของ หนัง, กีฬา, ซีรีส์ดังๆ อย่าง ฮีโร่ (Heroes), ลอส (Lost) หรือแม้กระทั่งเรียลริตี้อเมริกันชื่อดังอย่าง อเมริกันไอดอล (American Idol) และ เฮล คิทเช่น (Hell's Kitchen) ได้อีกด้วยนะ
@ เว็บค้นหาแบบมีรสชาด มีสไตล์ @
www.viewzi.com >>> นี่อาจเป็นเว็บค้นหาที่จะทำให้เพื่อนๆลืมหน้าตาของ "Google.com" ไปแทบจะทันที ด้วยการแสดงผลการค้นหาที่หวือหวา และน่าตื่นเต้น ทั้งภาพ ข้อมูล และวิดีโอ ที่แตกต่างกันไปถึง 16 แบบ ทำให้คุณเพลิดเพลินกับการเซิร์ฟเน็ตอย่างหยุดไม่อยู่ อาทิ การแสดงผลการค้นหาตามลำดับเวลา (Timeline) การค้นหาข่าวที่แสดงผลเหมือนหน้าหนังสือพิมพ์ การดูภาพแบบสไลด์โชว์ การค้นหาเมนูอาหารน่าหม่ำสุดๆ
เป็นไงบ้างค่ะกับเว็บค้นหาตัวใหม่ที่น่าลองใช้งาน นอกเหนือจากการบริการของกูเกิ้ล ถ้าไงท่องเน็ตคราวหน้า เพื่อนๆก็อย่าลืมค้นหาจากเว็บเหล่านี้ดูนะค่ะ เพื่อผลการค้นหาที่แม่นยำ ตรงจุดมากยิ่งขึ้น แต่วิธีการใช้งานก็ยังง่ายเหมือนเดิม คือเพียงพิมพ์คำค้นหาลงไป

แหล่งที่มา:

manager.co.th

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข

บันไดขั้นที่ 1 มองตัวเองว่าดีและ มีค่าทุกวัน



ใน แต่ละวันให้นึก ถึงความดี และความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ให้นึกถึงความดีของตนเอง ที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่ สามารถนึกได้ง่ายๆ) เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดีๆ และให้นึกซ้ำๆ จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย คุณจะเกิดความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตต่อไป และต้องอวยพรตัวเองเสมอๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมคุณ ซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจ หรือได้มาก็ไม่สมใจ


บันไดขั้น ที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี


ขั้นนี้คุณจะต้องมองว่า ทุกๆ คน มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา ซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา (ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคต และชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ ถ้าคุณทำเป็นนิสัย คุณจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดีๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต


บันไดขั้น ที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด



คือ การอยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม จงชื่นชมในความตั้งใจ ทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น คุณต้องเลิกจดจำ หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับคุณไปสะกิดแผลในใจ และจะทำให้คุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำๆ อีก

บันไดขั้นที่ 4 มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ


ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อยๆ หรือได้ยินบ่อยๆ จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่ดีๆ ( Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง ( Expectation) กับชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว หรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้


บันได้ขั้นที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ
โดย ปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิต คือ




1.การงาน ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตได้เรื่อยๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน


2.ครอบครัว จะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ และรู้จักเกรงใจกัน


3.สังคม หมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพูดจากันแบบปิยะวาจา


4.ตนเอง ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ และมีกำลังใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น


ที่ มาบทความ www.publichot.com

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ASP

ASP ย่อมาจาก Active Server Page
พูดง่ายๆคือทำงานบน server นั้นเอง
Server Side Scripts : นั้นคือสามารถเขียน Code แทรกเข้าไปในภาษา HTML ได้


ASP.NET IIS & Web Server ในการจะพัฒนา Web Application ด้วย ASP.NET จะต้องใช้ Web Server ชื่อ IIS(Internet Information Services) เท่านั้นครับ สามารถติดตั้งได้จากแผ่น Windows XP,2000,2003,...


Install IIS Web Server


http://www.thaicreate.com/asp/install-iis.html


ตัวอย่าง Source Code เริ่มต้น


<HTML>
<Head>
<Title> ทดสอบภาษา ASP</Title>
</Head>
<Body>
แสดงวันที่ปัจจุบัน <%=date%>
</Body>
</HTML>


[dd]จะเห็น <%=date%> อยู่แทรกอยู่ใน Code HTML อันนี้เป็น Function Date ที่มีอยู่แล้วในภาษา 


HTML ใช้แสดงวัน เดือน ปี ของ Server ตอนนั้น




[b]การส่งข้อมูล[/b]
[dd]การส่งข้อมูลของ ASP นั้นจะเหมือนกับ Perl หรือภาษาอื่นๆนั้นคือผ่านแบบฟอร์ม หรือ ทำการส่งค่าผ่าน URL ซึ่งเราสามารถจำแนกการส่งค่าออกได้เป็น 2 แบบคือแบบ Post กับแบบ Get ในตัวอย่างต่อไปนี้จะเป็นแบบฟอร์มการส่งแบบ Post
<Fom action="test.asp" method=post> <input type=text name="namepost"> </Form>

[dd]จะเห็นว่าส่วนที่อยู่หลังคำว่า Action คือ File ASP ที่ใช้รับข้อมูล และ method นั้นจะบอกว่าเป็นแบบ Post หรือแบบ Get และในส่วนหลัง name นั้นคือชื่อของตัวแปรสำคัญเวลารับครับ

[b]การรับข้อมูล[/b]
[dd]ในฝังรับข้อมูลจะดูต้องอ้างอิงจากฝังส่งข้อมูลมาด้วยจากที่ได้อธิบายไปแล้วนั้น คราวนี้มาดู Code ของตัวรับกันบ้าง
<% nameinput=request.form("namepost")%> <HTML> <Head> <Title> ทดสอบรับข้อมูลจากฟอร์ม</Title> </Head> <Body> <%=nameinput%> </Body> </HTML>

[dd]ในบรรทัดแรกจะเป็นการรับข้อมูลมาจากฟอร์มโดยเก็บไว้ในตัวแปรชื่อ nameinput สำหรับการรับข้อมูลแบบ Post จะใช้ request.form("namepost") และในบรรทัดที่ 7 เป็นส่วนของการนำค่าในตัวแปรแสดงออกหน้าเว็บ

กลุ่มบุคคลไม่พึงประสงค์ 12 แบบบนเฟซบุ๊ค โดย CNN.com

1. The Let-Me-Tell-You-Every-Detail-of-My-Day Bore
พวก ที่คิดว่าทุกอย่างที่ฉันทำอยู่ ทุกคนจะต้องรับรู้มัน เช่น “ตื่นนอนแล้วนะจ๊ะ” “กำลังกินข้าวเที่ยงอยู่” อะไรประมาณนั้น จะเห็นได้ว่าทุกจังหวะชีวิตของคนที่อยู่ในกลุ่มนี้ จะสามารถที่จะรู้ได้ โดยการเข้าไปอ่านจากสถานะของเธอบน facebook

2. The Self-Promoter
พวกที่คอยเอาแต่โฆษณาขายของแต่ของ ตัวเอง มันคงไม่แปลกถ้าเราจะโพสลิงค์ไปที่เว็บใดเว็บนึง แต่ถ้าทุกครั้งที่เราทำการส่งลิงค์ไปนั้น กลับเป็นแต่ลิงค์ของเว็บเราเอง เราก็คงจะไม่ชอบมากนักใช่มั๊ยครับ

3. The Friend-Padder
พวกรวยเพื่อน คนบน Facebook ส่วนใหญ่จะมีเพื่อนอยู่ประมาณหลักร้อยคน แต่ถ้าใครที่มีเพื่อนเป็นหลักพัน โอ้วแม่เจ้า! คุณคิดว่าคนเหล่านั้นเป็นเพื่อนเค้าจริงๆ หรือเปล่า? เออ… หรือไม่แน่เค้าคนนี้อาจจะเป็นดาราดังก็ได้นะ

4. The Town Crier
พวกนักข่าวประจำหมู่บ้าน พวกนี้นี้ถ้ามีข่าวอะไรเกิดขึ้น คุณจะได้ยินจากคนพวกนี้เป็นกลุ่มแรก!

5. The TMIer
พวกพูดจาน้ำท่วมทุ่ง (TMI: Too Much Information) คือประเด็นมันมีแค่นิดนึง แต่ก็จะพูดยาวๆ ซะจนยืดเยื้อน่ารำคาญ บางทีก็พูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูดมากนัก ไม่ว่าจะเป็น ชีวิตสมรสที่ล้มเหลว การไปมีเซ็กส์กับคนอื่นแบบไม่ตั้งใจ เป็นต้น

6. The Bad Grammarian
พวกที่ชอบเขียนแบบผิดๆ โดยที่นึกว่าตัวเองเขียนแบบนี้ไปแล้ว คนอื่นจะมองว่าตัวเองเท่ห์ ตัวเองจริง แต่ว่าคนอื่นอาจจะมองได้ว่า ไอ้นี่มันเรียนจบป.6 แล้วหรือยัง?

7. The Sympathy-Baiter
พวกที่ชอบขอความเห็นใจจากคนอื่น พวกนี้มักจะโพสต์สถานะของตัวเองไว้ว่า “วันนี้รู้สึกแย่จังเลย” “คืนนี้ฉันเหงาจัง” อะไรประมาณนี้ คนอะไรมันถึงจะเศร้าอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน

8. The Lurker
พวกเสือซุ่ม คือพวกนี้จะไม่ค่อยอัพเดทสถานะของตัวเองซักเท่าไหร่ บางทีอาจจะขี้เกียจ แต่ถ้าเมื่อไหร่ได้มีโอกาศคุยกับเค้าแล้วละก็ คุณอาจจะสงสัยได้ว่า ไอ้หมอนี้มันรู้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยเห็นมันเข้ามามีกิจกรรมใน Facebook เท่าไหร่เลยนี่หว่า

9. The Crank
พวก กลุ่มคนขี้โมโห ต่อต้านสังคม เฮียคลั่ง พวกนี้มักจะใช้ถ้อยคำที่ค่อนข้างดิบ เถื่อน รุนแรง ดิบๆ แล้วก็ชวนให้ทะเลาะด้วย เวลาที่กลุ่มคนเหล่านี้ ได้ทำการโพสสถานะของพวกเค้าบน Facebook

10. The Paparazzo
พวกปาปารัซซี่เรียกพี่ พวกนี้มักจะเอารูปของคนอื่นไปโพสไว้ โดยที่เจ้าของยังไม่รู้ตัวเลยว่า ไอ้รูปพวกนี้มันมาจากใคร ที่ไหน หรือว่าตอนไหนหว่า?

11. The Maddening Obscurist
พวกที่ชอบพูดไรคลุมเคลือ หรือว่าจับความไรไม่ค่อยได้ บางทีก็เพ้อออกมาลอยๆ ซะงั๊น บางอย่างก็เป็นอะไรที่ขัดกันอยู่ในตัวมันเอง เช่น “ฉันคิดว่าไอ้นี่มันเรียนเก่งดีนะ แต่ฉันว่าเค้าก็ไม่ได้โง่หรอก” ???

12. The Chronic Inviter
พวกชื่นชอบชวนเชื้อเชิญ ไม่ว่าจะเป็นเกมส์เอย คำถามปัญญาอ่อนเอย (แต่ผมก็ชอบอ่านนะ ฮาดี) บางทีส่งมา Invite กันจัง ทุกวัน วันละ 3 เวลา บางทีก็ชวนไปเข้าแก๊งค์นี้มั่ง ไปลอบฆ่าคนๆ นั้นมั่ง ประมาณนี้


เป็นยังไงกันบ้างครับ กับ 12 กลุ่มคนไม่น่าพึงประสงค์บน Facebook ... แต่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ก็อยากให้คิดกันนิดนึงนะครับว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เราทำอยู่บนอินเตอร์เนตนั้น สิ่งที่เราทำอยู่ ก็เหมือนกับเรากำลังทำอยู่บนโลกจริงๆ ของเรา เพราะไม่ว่าจะโลกออนไลน์ หรือว่าออฟไลน์ สิ่งต่างๆ ที่เราทำลงไปนั้น ก็จะมีผลกระทบต่อผู้อื่นเหมือนๆ กันเลยนะครับผม


ที่ มา : http://facebook.in.th

Dinh Ngoc Diep